กลับก่อนหน้านี้
จากวันนั้น...จนวันนี้ ...ฉัน....เปลี่ยนไป

เมื่อวานนี้ฉันโดนคุณแม่ว๊ากตะลุ่งตุ้งแช่ใส่  เพราะฉันไปเร่งท่านให้วางของเล่นก่อน เพื่อจะได้รีบไปตลาดนัดหลังซอยก่อนที่จะค่ำ แถมเกรงใจพี่แมวข้างบ้านที่อุตส่าห์แวะมารับก็จะต้องรอนาน

 

คุณแม่โปรดปรานตลาดนัดเป็นพิเศษ จะคอยถามทุกวัน วันละหลายๆครั้งว่า วันนี้มีตลาดนัดไหม  เพราะท่านชอบที่จะได้พบปะเจอผู้คนมากมาย  ถึงท่านจะจำใครไม่ได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทักทายเด็กๆ หรือคุยทักใครต่อใคร  และที่สำคัญคือ การได้ไปนั่งทานโก้โก้ปั่นเจ้าประจำที่ตลาดนัดค่ะ

 

เมื่อฉันโดนคุณแม่ว๊ากใส่  ฉันก็เผลอแอบฉุนขึ้นมา เพราะเหนื่อยและเพลียจากการเป็นไซนัสอักเสบ รวมทั้งช่วงนี้ต้องดูแลคุณแม่เพียงคนเดียวเนื่องจากพี่เลี้ยงลากลับไปเยี่ยมบ้าน  แต่สติหลุดได้ไม่ถึงครึ่งนาที ก็รู้ตัวว่า เอ้า ฉันบ้าไปอีกแล้ว ไปฉุนคุณแม่ทำไมนี่  ไม่ใช่ตัวท่านที่ว๊ากใส่ฉันเสียหน่อย แต่เป็นเจ้าสมองเสื่อมต่างหาก ที่เอาเรื่องฉัน คุณแม่ตัวจริงเป็นคนอ่อนโยน สุภาพ พูดเพราะ รักลูกมาก และไม่เคยดุว่าลูกให้เสียใจช้ำใจแม้แต่น้อยเลย

 

พอฉันรู้ตัว ก็รีบแปลงร่าง หันมาเสียงหวาน สดชื่น ชวนคุณแม่ไปตลาดนัดด้วยเสียงที่สดใสกระตือรือร้นแทน คุณแม่ที่ตาขวางอยู่ก็เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมาก  แล้วเราก็ไปเที่ยวตลาดนัดกันกับพี่ข้างบ้านอย่างมีความสุข คุณแม่ก็ทักทาย ยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนที่พบพานดั่งเคย

 

ฉันจำได้ว่า เมื่อกว่าสี่ปีที่แล้ว ก่อนที่ฉันจะเห็นความผิดปกติของคุณแม่ชัดมากขึ้นจนพาไปพบหมอทางสมอง และได้ทำ MRI ทำให้เห็นความฝ่อของสมองของท่านนั้น  เราสองแม่ลูกก็ได้หลั่งน้ำตากันเป็นปี๊บๆ  งอนกัน โกรธกัน จนถึงขึ้นเสียงใส่กัน (ทั้งๆที่เราไม่เคยทำกันมาก่อน) เพราะตอนนั้นฉันโง่เองที่ไม่รู้จักสมองเสื่อม ฉันจึงรับบุคลิกแปลกๆ นิสัยแปลกๆ คำพูดแปลกๆ ของคุณแม่ไม่ได้  ฉันจึงเผลอโกรธ เสียใจ อาย ต่อต้าน ต่อว่า ตักเตือน เอาเรื่องท่าน รวมไปถึงสั่งสอนท่านอีก บาปกรรมมากจริงๆเลย  

 

ฉันมองเห็นความผิดอันใหญ่หลวงของตัวเองมากมาย  เสียใจเหลือเกินที่ทำผิดกับคุณแม่  และได้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก แต่ความเป็นจริงนั้น  ฉันสัญญาแล้วสัญญาอีก  แล้วก็ผิดสัญญาร่ำไป แล้วก็เสียใจน้ำตาร่วงพรูด้วยความรู้สึกผิดที่มากมาย 

 

ฉันต้องใช้เวลาเป็นปีๆเลยทีเดียวในการปรับตัว ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโรค เข้าอบรมเกี่ยวกับเรื่องสมองเสื่อม ได้พบปะพูดคุยกับคนอื่นๆที่อยู่ในเรือลำเดียวกับฉัน และพยายามยอมรับคุณแม่คนที่ต้องอยู่กับโรคนี้ โรคที่ทำให้โลกภายนอกตัดขาดจากคุณแม่เพิ่มมากขึ้นไปทุกวันๆ โรคที่ทำให้คุณแม่ต้องขัดใจ ขุ่นหมองใจที่ความสามารถต่างๆ รวมทั้งความคิดและความจำ ที่สับสน ที่ค่อยๆเลือนลางจากไป คุณแม่มีเพียงฉันเท่านั้น  ฉันต้องทำได้สิ

 

ฉันขอเกริ่นเล็กน้อยว่า คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน  และคุณพ่อได้บินมารับเราสามพี่น้องไปเรียนหนังสือที่อเมริกาเมื่อ ๓๔ ปีที่แล้ว แล้วเราก็มีครอบครัวกันอยู่ที่นั่นกันทั้งหมด  ฉันเป็นลูกคนเดียวที่ติดคุณแม่มากที่สุด  หลังจากที่คุณแม่บินไปเยี่ยมเราไม่ไหวแล้ว ฉันก็บินกลับมาหาคุณแม่มากกว่าลูกคนอื่นๆ ครั้งสุดท้ายที่ท่านไปเยี่ยมเราที่นู่น ก็เมื่อสิบปีที่แล้ว  ความที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ฉันจึงไม่ได้เห็นอาการของโรคสมองเสื่อมที่เปลี่ยนแปลงของคุณแม่ของฉันทุกวันๆ  เมื่อนานๆพบกันที ความเปลี่ยนแปลงของคุณแม่จึงทำให้ฉันแทบช๊อคไปเลยทีเดียว

 

ณ จุดนี้ ฉันรู้ตัวว่า ตอนนี้ฉันมีวิทยายุทธแก่กล้ากว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม่ขาดสติง่ายๆ  มีความรักและความกตัญญูมากขึ้น และเมื่อเผลอสติหลุด สติก็กลับมาไวมากขึ้น ฉันกราบพระเสมอขอให้ฉันสามารถนำความสุขมาให้คุณแม่ได้มากขึ้น  รวมทั้งกราบเท้าขอโทษและขอพระจากคุณแม่ทุกคืน  เพราะฉันมีความสุขมากที่เห็นคุณแม่ยิ้มและหัวเราะ  ฉันหัดพูดจาตลกโปกฮา ล่อเล่น และแหย่คุณแม่บ่อยๆ  รวมทั้งทำตัวเป็นเชียร์ลีดเดอร์  ไม่ใช่ครูแก่ๆดุ ที่เอาแต่ออกคำสั่ง บ่นๆๆ  ฉันขอเพียงที่จะได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เหมือนระฆังสวรรค์ของคุณแม่ฉันไปนานๆ  เพราะคุณแม่เป็นดวงใจของฉัน  

ปิ่นเพชร
16 มี.ค. 2561
เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง