กลับก่อนหน้านี้
"ต อ บ แ ท น" แม่

บันทึกเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555

 

เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ครอบครัวเราต้องเจอกับสถานการณ์ปัญหาที่ยากยิ่งครับ
นั่นคือการที่จะต้องตัดสินใจว่า เพื่อช่วยในการหายใจและดูดเสมหะ....พวกเราจะยอมให้คุณหมอทำการผ่าตัดใส่ท่อหลอดลมที่คอให้กับคุณแม่หรือไม่?

 

ข้อดีของการผ่าตัดตามแนวทางการรักษานี้ คุณหมอบอกไว้ 2 ข้อก็คือ เราคาดหวังได้ว่า การหายใจของแม่ การเอาอากาศดีเข้า, เอาอากาศเสียออก น่าจะดีขึ้น , และการช่วยดูดเสมหะ ของเสียออกจากร่างกายจะทำได้ง่ายขึ้น จึงน่าจะช่วยป้องกันไม่ให้แม่สำลัก และเกิดการติดเชื้อวนเวียนซ้ำขึ้นอีก

 

แต่ผลจากการผ่าตัดนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกระทบกับวิถีชีวิตเดิมของแม่ที่ชัดเจน 2 ข้อเช่นกัน ก็คือแม่จะไม่สามารถกินอาหารทางปากและกลืนลงคอได้อีก จะต้องเปลี่ยนเป็นการรับอาหารเหลวทางสายยางที่สอดลงไปตามหลอดอาหาร และหลังผ่าตัดแม่จะทำได้เพียงขยับริมฝีปาก แต่แม่จะไม่สามารถเปล่งเสียงพูดจาโต้ตอบอะไรได้อีกแล้ว

 

สำหรับผมแล้ว นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะตอนนั้นแม่อยู่ในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว ,แม่ไม่สามารถที่จะสื่อสารบอกความต้องการของแม่เองได้ พวกเราต้องตัดสินใจแทนแม่ คำตอบของเราจึงเป็นการ "ต อ บ แ ท น" แม่

 

พวกเราแต่ละคนก็ได้แต่คาดเดากันไปว่า "ถ้าแม่ยังตอบได้เอง......คำตอบของแม่จะเป็นอย่างไร?"

 

-----------------------

 

หลังจากที่ถกเถียงกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเราก็มีข้อสรุปร่วมกันว่า เราจะเดินไปตามแนวทางการรักษานี้

หลังการผ่าตัดสุขภาพของแม่ดูแข็งแรงขึ้น แม่ออกจาก ICU ได้หลังจากที่ต้องอยู่มาเดือนกว่า , แม่ย้ายไปพักที่ห้องพักอีกประมาณ 2 สัปดาห์ พวกเราพยายามยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงของแม่

แต่แล้วก็ต้องมาปรับตัวปรับใจเพิ่มขึ้นอีก เพราะเราพบว่า ดูคล้ายความทรงจำของแม่จะถดถอยลงไปอีก จนแทบจะเรียกได้ว่าจดจำเรื่องราวเดิมๆ....แม้กระทั่งชื่อของพวกเราไม่ได้แล้ว

แต่ไม่ว่าการ "ต อ บ แ ท น" แม่ ครั้งนี้จะถูกต้องหรือไม่? ....ตั้งแต่เมื่อวานซืนนี้ แม่ก็ได้กลับมาอยู่บ้านเราอีกครั้ง

คืนแรกที่แม่ได้กลับมานอนที่ห้องเดิมของแม่ ผมเข้าไปบอก "ราตรีสวัสดิ์ & Good Night" กับแม่ แล้วก็อธิษฐานแทนแม่ว่า "ขอให้คืนนี้นอนหลับฝันดีใช่มั้ยแม่....สาธุ...สาธุ...ฝันดีนะแม่นะ"

 

เมื่อวานเช้าเป็นวันแรกในรอบเกือบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมได้บอก "อรุณสวัสดิ์" กับแม่ , แม่ลืมตาเล็กน้อยมองนิ่งๆ ผมคิดไปเองว่า แม่อาจจะลืมคำทักทายนี้ไปแล้วก็ได้ ผมก็เลยพูดแทนว่า "อรุณสวัสดิ์อั๋นไง...ใช่มั้ยแม่"

 

พอสายอีกหน่อยปุ้ยจะออกไปทำงาน ก็ไปบอกแม่ว่า "หนูจะไปทำงานแล้ว คุณแม่อวยพรหน่อย" , แล้วก็จับมือแม่มาวางบนศรีษะ ก่อนจะพูดเองว่า "โชคดี...โชคดี....เพี่ยงๆ...เพี่ยงๆ..."

 

ปุ้ยออกไปได้แพล็บเดียว พี่น้องก็ตามเข้ามาบอกแม่ว่า "น้องไปทำงานแล้วนะ" แล้วก็ตอบเองว่า "เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับเลย....ใช่มั้ยแม่"

 

หลังจากนั้นก็มีเสียงพี่แมว ,น้องหญิง ,ป๋า กล่าวทักทาย "อรุณสวัสดิ์" กับแม่ ให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง

 

-----------------------

 

ผมกินข้าวเช้าเสร็จ , อาบน้ำอาบท่า แล้วก็ไปบอกแม่อีกว่า "อั๋นไปทำงานแล้วนะแม่....ไปออฟฟิสบ้านเราเองไง" , ก่อนจะ "ต อ บ แ ท น" แม่อีกว่า "ตามสำบายเลยใช่มั้ยแม่....เดี๋ยวเที่ยงมาหาแม่ใหม่นะ"

 

2 วันที่ผ่านมา ผมเข้าไปทักทายแม่ในห้องหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะถามว่า "ใครเอ่ย...ใครมาคุยกับแม่อีกแล้ว" , พอเห็นแม่ขยับปาก ผมก็จะ "ต อ บ แ ท น" ว่า "อั๋นอั๋น...ใช่มั้ยแม่" , "อั๋นมาหาแม่อีกแล้วไง......เนาะแม่เนาะ"

 

และก็เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว ทุกคนพากันเข้าไปพูดคุยกับแม่ ก่อนที่จะ "ต อ บ แ ท น" แม่.....ด้วยประโยคเดิมๆ ที่เมื่อก่อนแม่เคยพูดไว้

 

ถึงแม้ว่า 2 วันนี้ แม่จะไม่ได้เปล่งเสียงโต้ตอบอะไรกับพวกเราเลย แต่บ้านก็ไม่เงียบเหงาเหมือนตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา

 

ถึงแม้ว่าวันเวลาที่แม่อยู่ร่วมกับพวกเราต่อจากนี้....แม่จะไม่สามารถบอกกล่าวอะไรกับเราได้อีก และไม่ว่าแม่จะจดจำพวกเราไม่ได้แล้วจริงหรือไม่?

 

ผมเชื่อว่า พวกเราทุกคนก็ดีใจ ที่วันนี้เรายังได้พูดคุยกับแม่.....และทุกคนก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ "ต อ บ แ ท น" แม่แบบนี้ตลอดไป

ปที ปทวี
10 ส.ค. 2560
เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง