บันทึกเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2555
1. "อรุณสวัสดิ์"
ตอนเช้าแม่จะคอยบอก "อรุณสวัสดิ์" กับทุกคน ถ้าไล่ตามเวลาเรียงลำดับก่อนหลัง
ส่วนใหญ่ก็จะเป็น "อรุณสวัสดิ์...อั๋นเอ้ย" , "อรุณสวัสดิ์...ปุ้ยไง"
ตามด้วย น้องเอ้ย , น้องหญิงไง , แมวเอ้ย
( คำตามหลังชื่อนี่มีอยู่ 2 คำครับ คือคำว่า "เอ้ย" กับคำว่า "ไง" แล้วแต่ว่าแม่จะใช้คำไหน )
ดังนั้นทุกเช้าที่บ้านเรา ก็จะต้องมีเสียง "อรุณสวัสดิ์จ้ะแม่" ดังมาจากลูกทุกๆคน.....รวมถึงป๋าด้วย
เวลาที่แม่บอกว่า "อรุณสวัสดิ์ป๋าเอ้ย" ป๋าก็จะตอบด้วยเสียงหนักๆ ฟอร์มขรึมๆว่า
"อรุณสวัสดิ์....อรุณสวัสดิ์" และมักจะตามด้วยคำถามประจำว่า "กินข้าวกันรึยัง"
2. "คำอวยพร"
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่แม่เริ่มใช้คำอวยพรนี้ แต่ผมว่าผมก็ได้ยินมาพักหนึ่งแล้วล่ะ
เวลาใครจะออกไปไหน เช่น ทุกเช้าที่ปุ้ย , พี่น้อง , หรือน้องหญิง จะออกไปทำงานข้างนอก
ทุกคนจะไปบอกแม่ว่า "ไปทำงานแล้วนะ" แม่ก็จะให้พรว่า
"เดินทางปลอดภัย ทั้งไปและกลับนะลูกนะ ตลอดเส้นทางประสพแต่โชคดีมีชัย
ผลงานสำเร็จลุล่วงสมเป้าหมาย เป็นที่รักใคร่ของเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน"
แม่ให้พรแบบนี้กับทุกคนจริงๆนะครับ....ผมไม่ได้แต่งเอง หรือมาเขียนโม้เล่นๆ
3. "เพลงประจำตัว"
จำไม่ได้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่อีกเหมือนกันครับ ที่แม่เริ่มร้องเพลงชาติตามที่ได้ยินจากโทรทัศน์
แต่ก็เลยกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน และก็เป็นตารางเวลาของแม่ด้วยเลย
ผมจะพาแม่ไปกินข้าวเช้า หลังจากที่ร้องเพลงชาติตอน 8 โมง ส่วนตอนเย็น หลังร้องเพลงชาติตอน 6 โมง
เราก็จะให้แม่กินยาก่อนอาหารเย็น แล้วก็จะกินข้าวเย็นกันตอนประมาณ 1 ทุ่ม
ก็เลยกลายเป็นว่า บ้านเราจะเป็นบ้านที่ค่อนข้างทำอะไรเป็นเวลา โดยยึดถือจากตารางเวลาของแม่เป็นหลัก
และทุกคนก็จะพยายามจัดเวลาของตัวเอง ให้สามารถมาร่วมกิจกรรมตามเวลานั้นๆ
กลับมาเรื่องเพลงประจำตัวของแม่ นอกจากเพลงชาติแล้ว อยู่ๆแม่ก็เริ่มร้องเพลงช้าง กับเพลงลอยกระทง
ร้องโดยไม่ต้องมีวาระพิเศษอะไรครับ นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันเฉยๆ อยู่ๆช้างก็มาได้
หรือเดินเล่นกันอยู่ดีๆ ก็ลอยกระทงได้ อาจจะครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาล่ะมังครับ
และอีกเพลงที่เป็นเพลงฮิตประจำตัวของแม่ ก็คือเพลง คนบ้านเดียวกันของ ไผ่ พงศธร
ที่แม่ "ท่อง" เนื้อร้องได้อยู่ท่อนเดียวว่า
"คนบ้านเดียวกัน แค่มองตากันก็เข้าใจอยู่.....รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน ว่าหนักแค่ไหนบนหนทางสู้"
เนื้อจริงที่แม่ร้อง จะเพี้ยนกว่านี้นิดหน่อยนะครับ แล้วที่พูดว่า "ร้อง" มาทั้งหมดนี่
.......จริงๆแล้วก็จะออกแนว "ท่อง" ทั้งนั้นแหละครับ ^^
4 "บทสนทนา"
ผมเองส่วนใหญ่ ตอนเช้าจะนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิส ยังไม่ออกไปไหน
เวลาจะเดินไปออฟฟิส (ที่เป็นอีกอาคารหนึ่ง แต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกันกับบ้าน)
ผมก็จะบอกแม่ว่า "ไปทำงานก่อนนะ" , แม่ก็จะถามเหมือนเดิมทุกวันว่า "ไปออฟฟิสบ้านเราเลยเหรอ"
ซึ่งผมก็จะตอบเหมือนเดิมทุกวันเหมือนกันว่า "ไปออฟฟิสบ้านเราเลยไง"
และถ้าแม่ไม่หลับตาลงไปซะก่อน ก็อาจจะมีคำว่า "ตามสำบายไง" มาต่อปากต่อคำกันอีกหนึ่งประโยค
ผมจะบอกแม่ว่า "เดี๋ยวเที่ยงค่อยมากินข้าวกับแม่นะ....ได้มั้ย , เดี๋ยวเที่ยงแม่โทรไปตามเลยนะ"
ก็จะได้คำว่า "ก็ได้ไง" เป็นคำตอบกลับมา และประโยคนี้ถือเป็นการจบบทสนทนายามเช้าของเรา
แล้วผมก็จะเดินไปทำงานที่ออฟฟิส
ตอนเที่ยงเป๊ะ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะผมก็จะดังขึ้น
ผม - "ฮัลโหล...แม่เหรอ"
แม่ - "เออ" (แม่ตอบแบบนี้ประจำแหละครับ ^^)......."เด็กตั้งโต๊ะแล้วไง"
ผม - "ตั้งโต๊ะแล้วเหรอ เดี๋ยวอั๋นเข้าไปนะแม่"
แม่ - "เออ" (แม่ตอบแบบนี้ประจำแหละครับ ^^)
แต่ถ้าวันไหนผมเล่นนอกบท ก็จะเป็นแบบนี้ครับ
ผม - "ตั้งโต๊ะแล้วเหรอ ทำไมตั้งเร็วจังล่ะแม่"
แม่ - ".....(เงียบ)....." ---> (วางสาย) ตู๊ดๆๆๆๆๆ
หรือ
ผม - "ตั้งโต๊ะแล้วเหรอ มีอะไรกินบ้างล่ะแม่"
แม่ - ".....(เงียบ)....." ---> (วางสาย) ตู๊ดๆๆๆๆๆ
ตกบ่ายถ้าผมจะออกไปดูงานข้างนอก ผมก็จะไปลาแม่ แล้วแม่ก็จะให้พรว่า
"เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับนะลูกนะ......." ^^
5. "คำอธิษฐานก่อนนอน"
ปรกติแม่จะเข้านอนประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ และก่อนนอนแม่ก็จะพนมมือ อธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทุกคืนสิ่งที่แม่ขอ มีอยู่เพียง 2 สิ่งคือ ขอให้คืนนี้นอนหลับฝันดี กับขอให้มีสุขภาพแข็งแรง
โดยแม่จะบอกเหตุผลกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยว่า
"ขอให้ลูกช้างมีสุขภาพดี แข็งแรง....แล้วลูกช้างจะไปจาริกแสวงบุญ"
ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำอธิษฐานของแม่ ผมอึ้งและรู้สึกตีบตันในลำคอ ความรู้สึกขณะนั้นอธิบายไม่ถูกเลยล่ะครับ
6. "บทส่งท้าย"
ผมเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆนี้ไว้ เพื่อช่วยเตือนความจำ เพราะไม่อยากให้ตนเองลืมเลือนรายละเอียดเหล่านี้ไป
สิ่งต่างๆที่เล่ามาทั้งหมดนั้น ตอนนี้ค่อยๆลดน้อยลงไปเรื่อยๆแล้ว
จากที่แม่เคยพูดคุยโต้ตอบกัน , เคยร้องเพลง , เคยให้พร , เคยสวดอธิษฐานขอพร ฯลฯ
ถึงแม้จะเป็นเพียงประโยคซ้ำๆเดิมๆ แต่ก็เป็นความสุขของพวกเรา ที่ได้พูดคุยกับแม่
หลายวันมานี่ประโยคเดิมๆเหล่านี้ ค่อยๆลดลงกลายเป็นวลี และเหลือเพียงถ้อยคำ
จนกระทั่งวัน , สองวันนี้ ผมแทบจะไม่ได้ยินคำพูดจากแม่แล้ว
แม่จะหลับเกือบตลอดวัน มีช่วงเวลาที่ลืมตา และพอจะเรียกได้ว่ามีสติเพียงไม่นาน
และถึงแม้จะพยายามทำใจยอมรับกับคำว่า "พัฒนาการของโรค" มาพักหนึ่งแล้ว
แต่เมื่อถึงวันที่เกิดขึ้นจริง....ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ในการปรับสภาพจิตใจมากเลยล่ะครับ