วันนี้แอดเมียวไปขึ้นศาลครั้งแรกในชีวิตมาค่ะ....
หูว.. ตื่นเต้นสิคะ ความรู้เรื่องกฎหมายก็ไม่ได้มีเท่าไร แต่เหตุที่ต้องไปวันนี้ก็เกี่ยวกับการยื่นคำร้องให้คุณพ่อแอดเป็นผู้อนุบาลคุณแม่นะค่ะ
แอดเมียวว่า หลายๆบ้านก็เป็นเหมือนครอบครัวแอดล่ะ เรารู้ว่าเรื่องทางกฏหมาย ต้องขึ้นโรง ขึ้นศาล วุ่นวาย ปนด้วยความกลัวหน่อยๆ เราก็เลยพยายามเลี่ยงหลบไปมาตลอดค่ะ แต่ในที่สุดก็หลบไม่พ้น เพราะตอนนี้ด้วยความเป็นไปของโรค ทำให้คุณแม่เขียนหนังสือไม่ได้แล้วค่ะ ข้อดีคือคงไม่โดนใครหลอกไปเซ็นต์อะไรแน่ๆ แต่ปัญหาตกที่คุณพ่อเองเพราะ ทั้งสองท่านแต่งงานกันมีการจดมีทะเบียนสมรส ดังนั้น ไม่ว่าคุณพ่อจะทำอะไรกับทรัพย์สิน ของตนเอง ที่เกิดขึ้นหลังสมรส ต้องมีคุณแม่เซ็นยินยอมเสมอ.. งานเข้าสิคะ
เราก็เลยต้องเข้าสู่กระบวนการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้คุณแม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ โดยมีคุณพ่อเป็นผู้อนุบาลค่ะ
ตัวแอดเมียวเองนี่ล่ะค่ะ เวลาถามเรื่องนี้บุคลากรทางการแพทย์รอบตัว ก็มักจะได้คำตอบว่า “ไปยื่นเรื่องที่ศาล” ..แต่อะโหว ศาลไหนอ่ะค่ะ ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลแขวงพระนครเหนือ แขวงพระนครใต้ ศาลประจำจังหวัด หรือไป ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง.. เวลาเราไม่มีความรุ้เราก็ไปไม่เป็นเลยจริงไหมคะ วันนี้ครอบครัวแอดเมียวเดินเรื่องทุกอย่างเสร็จละ เลยเอามาเขียนเล่าประสบการณ์ ให้อ่านกันดีกว่า ให้แนวทางว่า จะต้องไปติดต่อหน่วยงานไหนอะไรบ้าง
สุดยอดแห่งความงง อันดับที่1 ความแตกต่างระหว่าง ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิการ
มันคือคนละเรื่องเดียวกันค่ะ
“ผู้พิการ” อันนี้เราไปยื่นเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือผู้พิการได้ โดยขอใบรับรองความพิการจากคุณหมอ ใบรับรองแพทย์ ก็จะเป็น ฟอร์มใบรับรองความพิการ เป็นตารางมีช่องให้ติ๊กเยอะๆ อันนี้ดีที่ช่วยให้เราได้ค่ายา ผ้าอ้อมเวชภัณฑ์เพิ่มค่ะ แต่ศาลไม่ต้องสั่ง ยื่นเรื่องได้เลยอันนี้แม่แอด ไม่ได้ทำขอข้ามไปก่อนนะคะ
“ผู้เสมือนไร้ความสามารถ” กับ “ผู้ไร้ความสามารถ” สรุปง่ายนิดเดียวคือ ผู้เสมือนไร้ความสามารถกฎหมายจะคุ้มครองเรื่องทรัพย์เงินทองเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าไร้ความสามารถนี่จะดูถึงการการดูแล การใช้ชีวิต ทำธุรกรรมทางกฎหมายต่างๆด้วย ซึ่งผู้มีภาวะสมองเสื่อมเนี่ย ด้วยอาการของโรคที่แย่ลงไม่มีวันหาย ทางคุณทนาย และอัยการก็จะให้ทำเป็นผู้ไร้ความสามารถไปเลยค่ะ อันนี้เราจะต้องใช้ “ใบรับรองแพทย์” ฉบับคลาสสิกออกไม่เกิด 1 เดือนนับถึงวันไปยื่นคำร้อง ที่มีรายงานความเห็นจากแพทย์ชัดเจนว่าผู้ป่วย ป่วยจริง และจะไม่มีทางหายเป็นปกติ ต้องการผู้ดูแล พร้อมลงนามและมีตราโรงพยาบาลรับรองด้วยค่ะ อันนี้เป็นเอกสารสำคัญหัวใจของการพิจารณาคดีเลยค่ะ
เริ่มขั้นตอนแรก.. ติดต่อใครดี?
ดูตามเขตพื้นที่บ้านที่ผู้ป่วยมีชื่อในทะเบียนบ้านอยู่ค่ะ
อยู่ต่างจังหวัด ง่ายเลย ทุกอย่างไปที่ ศาลากลางจังหวัด เบ็ดเสร็จครบใน1 ที่
อยู่ในกรุงเทพฯ ศาลที่ดูแลเรื่องนี่คือ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ตรงแถวๆ ตลาด อตก. ค่ะ แต่! เราต้องไปเริ่มต้นที่ ศาลหลักเมือง! งงเซ่ .. ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานหลักเมือง ตึกเหลืองๆอยู่ด้านหลังศาลหลักเมืองค่ะ(ไม่มีที่จอดรถคะบอกก่อนเรย)
อย่างไรก็ตามจะอยู่กรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด มีข้อสงสัยไม่แน่ใจอะไรสามารถโทรปรึกษาเจ้าหน้าที่ทีมให้คำปรึกษาประชาชนด้านกฎหมายได้ค่ะที่ หมายเลข 02-222-8121 ต่อ 102-105 แอดเมียวคอนเฟิร์มว่าเจ้าหน้าที่ใจดีน่ารักมากเต็มในให้คำปรึกษาทุกท่านค่ะ ท่านหัวหน้าหน่วยฝากมาบอกว่า “ยังไงชีวิตคนเราก็ต้องเกี่ยวกับกฎหมายทางใดก็ทางหนึ่ง มีอะไรโทรมาถามได้เราพร้อมให้ความช่วยเหลือนะครับ”
ขั้นตอนที่ 2 ยื่นคำร้อง
บางคนอาจจะได้ยินว่าต้องจ้างทนาย! ตอนแอดเมียวได้ยินครั้งแรกแทบเป็นลม... ชั้นจะไปจ้างใครที่น๊ายยย แล้วมีค่าใช้จ่ายอีกเท่าไร.... แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ ทางรัฐเรามีจัดทนายอาสาผลัดเปลี่ยนกันมาคอยช่วยเหลือดูเอกสาร เขียนคำร้องส่งอัยการให้เรา โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ ในกรุงเทพฯ นี่อยู่ที่เดิมค่ะ เดินทางไปที่เลยที่ สำนักงานอัยการสูงสุด (หลักเมือง) ชั้น1 ห้องทนายอาสา ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ประชาชน ค่ะ
เนื่องการการแต่งตั้งผู้อนุบาล จะต้องได้รับความยินยอมจาก ญาติรอบทิศ ( พ่อ-แม่ , คู่สมรส , บุตร ) โดยมีเอกสาร บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และ เอกสารแสดงความเกี่ยวข้อง เช่น ทะเบียนสมรส สูติบัตร หรือถ้าเสียไปแล้วก็ต้องมีใบมรณบัตร หรือเอกสารอื่นๆที่รับรองโดยเจ้าหน้าที่รัฐมายืนยัน แล้วเอาตัวเป็นๆมาลงชื่อในหนังสือยินยอม (ที่ศูนย์ให้คำปรึกษาทำให้) ต่อหน้าทนาย ทางนิติกรที่ศูนย์จึงแนะนำให้เราเดินทางไป 2 รอบค่ะ
รอบแรก ไปแต่ผู้ร้อง และลูกมือ (คือคุณพ่อกับแอดเมียว) เอาเอกสารที่ทั้งหมด ดาวโหลดlink ข้างล่างนะคะ แล้วไปพบทนาย เล่าเรื่องราวให้ฟัง ตรวจความพร้อมเอกสาร รูปผู้ป่วย ถ้ายังขาดตก หรือรูปไม่ชัดก็ไปจัดการมาใหม่ค่ะ
รอบสอง เมื่อเตรียมเอกสารพร้อม ก็ยกโขยงทั้งครอบครัวไปอีกรอบ คุณทนายและทีมงานจะทำผังครอบครัว หนังสือยินยอม พร้อมเขียนคำร้องเรียบเรียงเรื่องราวให้ แล้วก็ลงนามต่อหน้าทนาย ทุกท่านค่ะ เอกสารทุกอย่างรวมทั้งรูปภาพ ทำไว้ทั้งหมด 5 ชุดค่ะ จ่ายค่าธรรมเนียมศาลไว้ 1,500 บาท (ใช้เป็นค่าธรรมเนียมการเรียกพยาน ทำงานเอกสารโน่นนี่ ใช้เหลือจะคืน) ก็เป็นอันที่เรียบร้อย คุณทนายอาสาก็ยื่นเรื่องส่งอัยการให้
ขั้นตอนที่ 3 รอจดหมายจากอัยการ แจ้งวันนัดไปศาล
ส่งเรื่องเสร็จ เราก็กลับมารอที่บ้านค่ะ อย่างไรอย่างลืมตรวจสอบกับคุณทนายว่า ที่อยู่รับจดหมายและเบอร์ติดต่อ ต้องใช้งานได้จริงมีคนรับจดหมายนะคะ ประมาณเดือนนึงค่ะ จะมีจดหมายจากอัยการมาที่บ้าน แอดเมียวยื่นเรื่องเมื่อต้นเดือนตุลา ได้คิวศาลต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในจดหมาย เรียกพยานไปให้การและก็นำเอกสารตัวจริงที่เกี่ยวข้องไปด้วยค่ะ บางกรณีถ้ารูปผู้ป่วยไม่ชัด ศาลอาจจะเรียกตัวผู้ป่วยด้วย ก็พาไปคะให้ท่านผู้พิพากษาคุยด้วยหน่อย แป๊บเดียวท่านคงเข้าใจค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 ไปให้การตามศาลนัด
บ้านแอดเมียวอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ไปที่ศาลครอบครัวและเยาวชนกลางค่ะ ไปก่อนเวลานัด สักครึ่งชั่วโมง เพราะคุณอัยการต้องตรวจจัดเรียงเอกสารตัวจริงให้สอดคล้องกับคำร้องที่ยื่นไป มีใบเบิกความมาให้คุณพ่อ ท่องวันที่ ออกใบรับรองแพทย์ นิดหน่อย แล้วก็ไปรอหน้าห้องพิจารณาคดีค่ะ เนื่องของกรณีของที่บ้าน แอดเมียวไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทุกคนยินดีให้คุณพ่อเป็นผู้อนุบาล อัยการท่านพูดจบ ผู้พิพากษาท่านก็ ไม่ถามอะไรบอกว่า เดี๋ยวรอเดือนนึงตามระเบียบไป ถ้าไม่มีใครร้องแย้งก็ถือว่าคดีสิ้นสุดค่ะ ให้ขออัยการคัดเอกสารรับรองต่างๆไว้ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 15นาทีค่ะ แอดเมียวนั่งดูเฉยๆ
ขั้นตอนสุดท้าย ขอคัดเอกสารรับรอง
คุณอัยการบอกว่า เดี๋ยวผมทำเรื่องคัดไว้รอ ครบ 30 วันโทรหาผมเลย .. เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการค่ะ
รวมระยะเวลาจัดการเรื่องตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน จนคดีสิ้นสุดต้นเดือนมีนาคม ก็ประมาณ 5 เดือนค่ะ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ใช้เอกสารมากหน่อย แต่จริงๆ ก็เอกสารพื้นฐานที่เราใช้กันประจำ สำหรับเอกสารที่หาไม่เจอ เช่น ใบมรณบัตรอากงที่เสียไปเมื่อเกือบ50 ปีที่แล้ว ที่ศูนย์สามารถออกหนังสือขอคัดสำเนาจากสำนักงานเขตได้ค่ะ แต่มีข้อจำกัดนิดนึงว่า ระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฏร์กลาง ที่ค้นจากคอมพิวเตอร์ได้ทุกเขตจะมีข้อมูลย้อนหลังถึงปี 2523 ค่ะ ถ้าญาติเสียก่อนปี2523 จะต้องไปขอคัดที่เขตที่ออกใบมรณบัตรให้ท่านน่ะค่ะ
สุดท้ายอย่าลืมนะคะ หากมีปัญหาสงสัยเรื่องกฎห มาย... ถามแอดเมียว..ไม่ได้ความหรอกค่ะ ฮ่าๆ... โทรไปที่ สำนักงานคุมครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน โทร 02-222-8121 ต่อ 102-105 ค่า
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://seniorhomecareservices.com/common-elder-scams/ ค่า